พระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ(ปางปราบพญาชมพูบดี)

ความน่ารักของลูกหลานในยามปฏิบัติธรรม
สุขภาพจิตดี ไม่มี "แก่เร็ว"

แม้กาลเวลาจะผ่านไปไวเพียงใด ก็ยังพอมีกำลังใจยอมรับ แต่ที่ผ่านไปแล้วหอบเอาสังขารให้แก่ชราเกินกว่าเป็นจริงนี่ซิ ยากที่จะทำใจยอมรับ โดยเฉพาะสำหรับคุณผู้หญิงผู้รักสวยรักงาม แต่เมื่อกฏแห่งธรรมชาติเป็นเช่นนั้นก็คงต้องหันมาใช้วิธี "ชะลอ" ความเป็นไปกันบ้าง จะได้ไม่ต้องทำใจกันมากเกินไปนัก
เริ่มต้นด้วยเรื่องของ อาหารการกิน ที่นอกจากยังคงรับประทานให้ครบถ้วนทุกหมวดหมู่แล้ว ก็ต้องเพิ่มความใส่ใจในรายละเอียดของอาหารมากขึ้นสักหน่อย อาหารที่ย่อยยาก โคเลสเตอรอลสูง ควรห่าง ๆ ไว้หน่อย อย่างไข่แดงก็ทานเพียงเล็กน้อย เนื้อสัตว์ก็ต้มให้เปื่อย ๆ จะได้ย่อยง่ายขึ้น ผัก ผลไม้ก็ควรรับประทานทุกวัน เลือกที่มีวิตามินซีหรือเอเยอะ ๆ
การออกกำลังกาย ก็เป็นสิ่งสำคัญ ใครชอบกีฬา หรือกิจกรรมแบบใดก็เลือกกันไปเพื่อไม่ให้เกิดความเบื่อหน่าย แต่อย่าลืมว่าทุกครั้งที่ออกกำลังกายควรเริ่มด้วยการอบอุ่นร่างกาย (Warm Up) คือเริ่มบริหารเบา ๆ ก่อนสัก 5 นาที และเมื่อเสร็จจากการออกกำลังกาย ก็ต้องค่อย ๆ ลดความเหนื่อยอย่างช้า ๆ (Warm Down) เพื่อให้ร่างกายปรับเข้าสู่ภาวะปกติ และควรทำทุกวันวันละประมาณ 30 นาที
อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้สุขภาพร่างกาย คือ สุขภาพใจ หรือสุขภาพจิต ซึ่งเทคนิคที่จะทำให้สุขภาพจิตดีนั้นก็มีมากมายหลายรูปแบบ และเป็นสิ่งที่เรียกว่า "เทคนิคเฉพาะตัว" จริง ๆ เพราะเป็นเทคนิคที่แล้วแต่ว่าใครมีวิธีที่จะทำให้สุขภาพจิตของตัวเองดีได้อย่างไร เพราะเมื่อสุขภาพจิตดีแล้ว ความแก่ก็จะถามหาช้าลง
วิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้มีสุขภาพจิตดี (ที่หลายคนใช้ได้ผล)
- มองโลกในแง่ดีเสมอ มองในสิ่งดี ๆ ของคนอื่น ชีวิตจะได้สดใส ถูกใครเอาเปรียบ ถูกใครรังแก ก็คิดเสียว่าเป็นธรรมดาของสัตว์โลก พยายามมองทุกสิ่งในโลกว่าเป็นเรื่องปกติ ก็จะช่วยให้เราไม่ทุกข์ร้อนมากนัก
- หัวเราะบ่อย ๆ เป็นการช่วยให้อารมณ์ดี สดใส แต่หลายคนชอบคิดว่าการหัวเราะทำให้เกิดรอยย่นบนใบหน้า จะยิ้มเต็ม ๆ กว้าง ๆ สักทีก็ไม่กล้า กลัวว่าหน้าจะเป็นรอยทั้งที่จริง ๆ การหัวเราะนั่นแหละ เป็นการบริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้าที่ดีวิธีหนึ่ง
- อย่าเป็นคนคิดมากเกินเหตุ คือ มีอะไรก็คิดมาไปเสียทุกเรื่อง แล้วก็หมกมุ่นคิดอยู่อย่างนั้น (แต่อันนี้มันคนละเรื่องกับการไม่คิดอะไรเลยนะ) ซึ่งเป็นการคิดที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากเกิดความเครียดและความทุกข์
- อย่าตั้งความหวังสูงเกินไป แต่ไม่ใช่ไม่ตั้งความหวังนะ เพราะคนเราทุกคนย่อมต้องมีความหวัง มีเป้าหมายตามสภาพความเป็นไปได้ แต่ไม่ควรหวังสูงเกินไป จะทำให้สุขภาพจิตเสื่อมเสียเปล่า ๆ และก็ไม่ใช่ไม่ตั้งความหวังเลย อย่างนี้ชีวิตก็จะล่องลอยไร้เป้าหมาย ก็จะกลายเป็นทุกข์อีก
- การฝึกสมาธิ ทำใจให้ว่างเปล่า ก็เป็นการช่วยเสริมสุขภาพจิต และผ่อนคลายความตึงเครียดได้มาก เพราะการทำสมาธิจะช่วยทำให้จิตใจสงบและนิ่ง ซึ่งเราสามารถทำสมาธิตอนไหนก็ได้ ไม่ว่าจะตอนนั่งรถ พักกลางวัน หลังเลิกงาน หรือก่อนเข้านอน และควรพยายามทำให้ได้วันละ 10-30 นาที ก็ยังดี

ด้วยวิธีการเหล่านี้ คงช่วยให้ใครหลายคนรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่ผ่านมาพร้อมเวลาที่ผ่านไปได้อย่างไม่หนักใจนัก
ขอขอบคุณข้อมูลจาก...http://www.pop.co.th/